ในเทคโนโลยีปัจจุบันนี้ทำให้อุตสาหกรรมอาหารเสริมและความงามสามารตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ หากจะกล่าวถึงคอลลาเจนยุดเริ่มต้น แน่นอนว่าผู้คนให้ความสนใจอย่างคับคั่งและส่วนประกอบที่ได้มักจะทำจากสัตว์เสมอ หลายปีผ่านไปมนุษย์เราได้เห็นว่าอุตสาหกรรมสัตว์นั้นทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนและอีกทั้งยังโหดร้ายทารุณ การงดกินเนื้อสัตว์จึงได้ถือกำหนดขึ้นและดูเหมือนว่าจะขยายขอบเขตไปทั่วโลก แน่นอนว่าผู้ผลิตได้เห็นชอบได้ถือกำเนิด คอลลาเจนจากพืช ขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้และได้รับความนิยมไม่แพ้สารสกัดที่ทำมาจากสัตว์ อนึ่งยังมีอีกหลายคนที่นอกเหนือจากเรื่องรักษ์โลกและสัตว์ ก็ไม่สามารถกินคอลลาเจนจากสัตว์ได้เนื่องจากการแพ้อาหารอื่น ๆ จึงเกิดเป็นผลดีกระทบในวงกว้างของใครหลาย ๆ คน ในบทความนี้จะมาชี้กระจ่างเกี่ยวกับคอลลาเจนทางเลือกนี้ว่าดีอย่างไร และอะไรคือส่วนประกอบหลัก ซึ่งหากคุณไม่เน้นกินอาหารเสริมก็สามารถรับประทานตามลิสอาหารที่เรามอบให้ได้เลย เพื่อผิวพรรณที่งดงามและสุขภาพผิวที่แข็งแรง
คอลลาเจนจากพืช ตัวเลือกของคนรุ่นใหม่
คอลลาเจนคืออะไร
คอลลาเจนถือเป็นโปรตีนหลักที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่น, ความแข็งแรง, และความสมบูรณ์ของผิวพร้อมกับเนื้อเยื่อเกาะกลุ่มอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น เอ็น, กระดูก, และกระดูกอ่อน ในอุตสาหกรรมความงามและสุขภาพ แต่คอลลาเจนส่วนใหญ่มักถูกสกัดจากสัตว์เช่น วัว, หมู, หรือปลา และใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น อาหารเสริม, เครื่องสำอาง, และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อย่างไรก็ตามก็มีหลายคนไม่น้อยที่แพ้ผลิตภัณฑ์จากปลาหรือมีความเชื่อบางอย่างที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ ทำให้แหล่งอุตสาหกรรมเล็งเห็นความต้องการนี้และได้พัฒนาสกัดคอลลาเจนจากพืชที่ได้คุณประโยชน์เทียบเท่า
ทําไมต้องทำ คอลลาเจนจากพืช
เนื่องจากสืนค้าที่ทำจากพืช เป็นการตอบสนองต่อความต้องการสิ่งที่เป็นมิตรต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม ทางเลือกเหล่านี้หลีกเลี่ยงการใช้ประโยชน์จากสัตว์ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า เนื่องจากเน้นกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนและใช้ทรัพยากรที่น้อยลง คอลลาเจนชนิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้คนมีทางเลือกที่มากขึ้น แต่ยังเคารพต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ และสิ่งแวดล้อมของโลกอีกด้วย
พืชที่ใช้กระบวนการผลิตคอลลาเจน
สกัดวิตามินซีจากธรรมชาติ
สารอาหารนี้มีบทบาทสําคัญในการสังเคราะห์คอลลาเจน โดยจําเป็นต่อกระบวนการไฮดรอกซิเลชันของโมเลกุลคอลลาเจน ซึ่งช่วยคงโครงสร้างคอลลาเจนให้สเถียร สร้างพฤติกรรมกระตุ้นคอลลาเจนด้วยการบริโภคอาหารที่ประกอบไปด้วยวิตามินชนิดนี้อย่างสม่ําเสมอ จะช่วยสนับสนุนกระบวนการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกายได้ ซึ่งได้แก่
- ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว กีวี สตรอว์เบอร์รี่ ผลไม้เหล่านี้มีวิตามินซีสูงมาก โดยส้ม 1 ผล มีวิตามินซีประมาณ 100 มิลลิกรัม
- ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ มีวิตามินซีสูงเช่นกัน บลูเบอร์รี่ 1 ถ้วย มีวิตามินซีประมาณ 16 มิลลิกรัม
- มะเขือเทศ มะเขือเทศ 1 ผล มีวิตามินซีประมาณ 12 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มากโข
- ผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า, ผักโขม, ผักบุ้ง มีวิตามินซีสูง โดย 1 ถ้วยของผักคะน้ามีวิตามินซีประมาณ 118 มิลลิกรัม
- พริกหยวก พริกหยวกเหลือง 1 ถ้วย มีวิตามินซีประมาณ 195 มิลลิกรัม
- บร็อคโคลี บร็อคโคลี 1 ถ้วย มีวิตามินซีประมาณ 89 มิลลิกรัม
- กะหล่ำดอก ขนาดปักชนิดนี้มีวิตามินซีประมาณ 85 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม
นอกจากนี้ ยังมีอาหารที่มีวิตามินซีจากพืชอื่นๆ อีกมากมาย เช่น หน่อไม้ฝรั่ง มะละกอ กล้วย แอปเปิ้ล แครอท เป็นต้น การบริโภคอาหารที่มีวิตามินซีอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสนับสนุนกระบวนการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย โดยควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย
กรดอะมิโนจากพืชตระกูลถั่ว
คอลลาเจนประกอบด้วยกรดอะมิโน โดยเฉพาะกลีซีน, โพรลีน, และไฮดรอกซีโพรลีน แม้ว่ากรดอะมิโนชนิดนี้จะไม่พบมากในอาหารจากพืช แต่การบริโภคโปรตีนพืชหลากหลายชนิด เช่น ถั่ว, ถั่วเหลือง, เต้าหู้ นัท และเมล็ดต่างๆ จะจัดหาส่วนประกอบที่จําเป็นสําหรับร่างกายในการสังเคราะห์คอลลาเจน
- พืชจำพวกถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วขาว มีกรดอะมิโนจำเป็นสูง โดยถั่วเหลือง 1 ถ้วย มีกรดอะมิโนจำเป็นประมาณ 40 กรัม
- ถั่วเหลือง โดยผลิตภัณฑ์จากเต้าหู้ เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่สมบูรณ์แบบที่สุด เนื่องจากมีกรดอะมิโนจำเป็นครบทั้ง 9 ชนิด โดยเต้าหู้ 1 ก้อน (ประมาณ 100 กรัม) มีกรดอะมิโนจำเป็นประมาณ 15 กรัม
- ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ วอลนัท พิสตาชิโอ ถั่วลิสง มีกรดอะมิโนจำเป็นสูงเช่นกัน โดยอัลมอนด์ 1 ออนซ์ (ประมาณ 28 กรัม) มีกรดอะมิโนจำเป็นประมาณ 6 กรัม
- ธัญพืช เช่น เมล็ดเจีย เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน มีกรดอะมิโนจำเป็นสูงเช่นกัน โดยเมล็ดเจีย 1 ออนซ์ (ประมาณ 28 กรัม) มีกรดอะมิโนจำเป็นประมาณ 5 กรัม
มีพืชมากมายที่เต็มไปด้วยกรดอะมิโน เช่น งาดำ, ข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต, และขนมปังโฮลวีต ส่งเสริมกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกบริโภคเหล่านี้ในอาหารประจำวันของคุณอย่างหลากหลายไม่เพียงแต่เสริมสร้างคอลลาเจนเท่านั้น แต่ยังรับประกันว่าคุณจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นอื่น ๆ ที่ร่างกายต้องการเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างรอบด้าน
สารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระปกป้องเส้นใยคอลลาเจนจากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ อาหารที่มีสารเหล่านี้ ได้แก่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ชาเขียว ผักใบเขียวเข้มจะช่วยรักษาความสมบูรณ์ของคอลลาเจนและปรับปรุงสุขภาพผิว นอกจากนี้สารนี้ะยังช่วยป้องกันการแก่ตัวก่อนวัยและรักษาความเยาว์วัยได้ด้วย
- เบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ
- ชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าคาเทชิน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยปกป้องเซลล์
- ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า ผักโขม ผักบุ้ง อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ลูทีน ซีแซนทีน และวิตามินซีที่ส่งเสริมการสร้างโปรตีนที่สำคัญ
- เห็ด เช่น เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดชิเมจิ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบต้ากลูแคน และเอริทาเดนีน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ
- กระเทียม มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าอัลลิซิน เป็นสารประกอบที่มีกำมะถัน มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง และต้านอนุมูลอิสระ
- ขิง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าจินเจอร์โรล คือสารที่พบในเหง้าขิง มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง ต้านคลื่นไส้ และ แก้ปวด อีกทั้งเป็นที่ทราบกันดีในสรรพคุณช่วยชะลอวัย
นอกจากนี้ ยังมีอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจากพืชอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม มะเขือเทศ มะเขือม่วง ถั่วและเมล็ดต่างๆ เป็นต้น และคุณควรเลือกรับประทานอาหารที่สดใหม่และปรุงสุกน้อยเพื่อรักษาสารต้านอนุมูลอิสระไว้ให้ได้มากที่สุด
เสริมเคล็ดลับในกระบวนการดูแลผิว
ผลิตภัณฑ์บํารุงผิว
ส่วนประกอบหลายชนิดจากพืช เป็นที่รู้จักในคุณสมบัติการกระตุ้นการสร้างชั้นคอลลาเจน และมักพบในผลิตภัณฑ์บํารุงผิวได้ทั่วไป หากพูดถึงส่วนประกอบจากธรรมชาติที่เรานึกถึงอันดับต้น ๆ ก็คงไม่พ้นว่านหางจระเข้ที่อุดมไปด้วย อะโลอินกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและชั้นอีลาสติน, กรดไฮยาลูโรนิคช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูเต่งตึง, และกรดอะมิโนช่วยให้ผิวแข็งแรง หรือสารสกัดจากสาหร่าย มีวิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลาย ช่วยปกป้องผิวจากการเสื่อมสภาพและสนับสนุนการผลิตคอลลาเจน นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหาย
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะพบได้ทั่วไปในครีมบำรุงผิว, เซรั่ม, และมาสก์หน้า โดยมีจุดประสงค์หลัดเพื่อช่วยให้ผิวหน้ามีสุขภาพดี เรียบเนียน และลดริ้วรอยอันเป็นสัญญาณแก่ก่อนวัย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิวและรักษาความสวยงามให้ยั่งยืน
ปรับเปลี่ยนอาหารเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน
เชื่อหรือไม่ว่าการบริโภคอาหารเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย เป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยในการรักษาและปรับปรุงสุขภาพผิวได้ผลอีกวิธีหนึ่ง โดยเฉพาะอาหารจากพืชที่มีผลไม้, ผัก, เมล็ด, และถั่วนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น ประกอบไปด้วยโปรตีนหลักที่มีความสำคัญที่ทำให้ผิวดูสุขภาพดีพร้อมร่างกายของเรา! ตัวอย่างของอาหาร เช่น
- ผลไม้ที่มีวิตามิน C สูง: สารอาหารนี้เป็นสามารถสารต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ผลไม้เช่น ส้ม, สตรอว์เบอร์รี่, และกีวีช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนได้มากขึ้น
- ผักใบเขียว: ผักใบเขียวอย่างคะน้าและผักบุ้งมีวิตามิน C และแร่ธาตุที่จำเป็นซึ่งสนับสนุนการผลิตคอลลาเจน
- เมล็ดและถั่ว: เมล็ดเจีย, เมล็ดแฟล็กซ์, ถั่วลิสง และอัลมอนด์ เป็นแหล่งของโอเมก้า 3 และกรดอะมิโนที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน
- ข้าวโอ๊ตและข้าวกล้อง: มีซิลิกอนซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญสำหรับการสังเคราะห์คอลลาเจน และช่วยให้ผิวแข็งแรงและเรียบเนียน
เสริมสร้างนิสัยสุขภาพที่ดี
นอกเหนือจากการดูแลตนเองให้ผิวเต่งตึงจากการบริโภคอาหารที่หลากหลายแล้ว พฤติกรรมการดำรงชีวิตก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณดูแลตนเองดีแค่ไหน
- ดื่มน้ำเพียงพอ: ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว สนับสนุนการทำงานที่เหมาะสมของเซลล์ผิวและช่วยในการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
- จัดการความเครียด: ความเครียดเรื้อรังสามารถทำลายคอลลาเจนและส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว การหาวิธีลดความเครียด เช่น การฝึกโยคะ หรือการทำสมาธิ สามารถช่วยรักษาคอลลาเจนในร่างกาย
- นอนหลับเต็มอิ่ม: ช่วยให้ร่างกายมีเวลาซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผิวใหม่ สำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและรักษาผิวให้มีสุขภาพดี หากคุณต้องการทราบทริคอื่น ๆ ราแนะนำให้อ่านเพิ่มที่บทความนี้ได้เลย เคล็ดลับหน้าเด็กด้วยการนอน
การหันมาบริโภคคอลลาเจนจากพืชเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมของทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นวีแกนหรือต้องการตามเทรนด์บำรุงอย่างล้ำลึก วันนี้สามารถเลือกทานอาหารเสริมนี้ได้อย่างเท่าเทียมและมีตัวเลือกมากขึ้น อีกทั้งการผลิตอาหารเสริมชนิดนี้ยังส่งเสริมให้ผู้คนตระหนักถึงสภาวะโลกร้อนและได้เข้าใจว่าในธรรมชาติยังมีคอลลาเจนอีกมากมายโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งทรัพยากรแหล่งเดียวเท่านั้น นอกจากสารอาหารแล้ว เรายังตอกย้ำเรื่องพฤติกรรที่กำหนดสภาวะการสร้างคอลลาเจนในร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม เพราะทุกอย่างล้วนสัมพันธ์กันทั้งสิ้น ด้วยคอลลาเจนที่เป็นมิตรต่อสัตว์และนโยบายที่สนับสนุนความยั่งยืน การมีผิวพรรณที่สดใสโดยไม่รู้สึกผิดจึงเป็นเรื่องง่ายขึ้น
คําถามที่พบบ่อย
- คอลลาเจนที่ทำจากพืชมีประสิทธิภาพเท่ากับที่สกัดจากสัตว์หรือไม่?
ผลลัพธ์และคุณภาพใกล้เคียงกัน แต่หากคุณเลือกคอลลาเจนที่ผลิตจากพืชก็จะช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น เรื่องจากขบวนการผลิตลดการใช้ทรัพยากรจากสัตว์และลดการเกิดก๊าซมีเทนที่เกิดจากอุตสาหกรรมสัตว์ - สารสกัดจากพืชที่ใช้บ่อยในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีอะไรบ้าง?
ส่วนผสมประกอบด้วย ว่านหางจระเข้, สารสกัดจากสาหร่าย, วิตามินซี, และน้ำมันพืช เช่น น้ำมันอาร์กาน และน้ำมันดอกกุหลาบ ซึ่งช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างดี - อาหารมังสวิรัติมีสารอาหารสร้างคอลลาเจนเพียงพอหรือไม่?
อาหารมังสวิรัติที่ครอบคลุมผลไม้รสเปรี้ยว, ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่, โปรตีนจากพืช, และอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถจัดหาสารอาหารที่จําเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนได้อย่างเพียงพอแน่นอน - อุปนิสัยใดควรนํามาประยุกต์ใช้ร่วมกับการบริโภคคอลลาเจนจากพืช?
ควรดื่มน้ําให้เพียงพอ นอนหลับให้เต็มอิ่ม จัดการความเครียด และป้องกันผิวจากแสงแดด นิสัยเหล่านี้ช่วยสนับสนุนสุขภาพคอลลาเจนและผิวพรรณโดยรวม
อ้างอิง
- Kirsten Nunez, M.S., “Collagen In Skin: 11 Tips To Promote Natural Collagen Production”, Mind Body Green, July 25, 2021, https://www.mindbodygreen.com/articles/collagen-in-skin-11-tips-to-promote-natural-collagen-production
- “Health Benefits of Collagen”, WebMD, December 07, 2023, https://www.webmd.com/diet/collagen-health-benefits.
- Erin Kelly, “20 Foods That Are High in Vitamin C”, Healthline, January 8, 2024, https://www.healthline.com/nutrition/vitamin-c-foods