สำหรับคนที่มีปัญหา ผิวแพ้ง่าย และบอบบางมักจะมีอาการผิวแห้ง เป็นผื่นคัน และอ่อนไหวง่ายกับสิ่งภายนอกต่าง ๆ ที่เข้ามาสัมผัสไม่ว่าจะเป็น เหงื่อ ฝุ่นควัน เครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือแม้แต่ตะเข็บเสื้อผ้า ก็อาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง แสบคัน ทำให้เกิดเป็นผื่นแพ้ได้ และเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อการแพ้ เรามารู้ลึกถึงสาเหตุตลอดจนวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยเลี่ยงหลีกอาการแพ้กัน
สาเหตุของอาการ ‘ผิวแพ้ง่าย’
อาการแพ้ตามผิวหนังทั้งผิวหน้าและผิวตามลำตัวมี 2 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดอาการแดง ระคายเคือง และผื่นแพ้ คือ
- ปัจจัยภายใน อย่างเช่น กรรมพันธ์ุที่ถูกส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น เช่น ผลิตน้ำมันส่วนเกิดปริมาณมากทำให้เกิดปัญหาหน้ามันหรือโรคที่มีความผิดปกติทางผิวหนังก็ส่งผลทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งหากคุณมีอาการแพ้ง่ายอาจเป็นผลมาจากโรค ดังนี้
- ผิวหนังอักเสบ
- ผื่นระคายสัมผัส
- ผื่นแพ้สัมผัส
- ลมพิษจากการสัมผัส
- ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดโรซาเซีย
- Aquagenic Pruritus (โรคผิวหนังที่ส่งผลให้มีอาการคันหลังอาบน้ำ)
- ผิวแห้ง
- Cutaneous Mastocytoses (ภาวะผิดปกติของเซลล์ที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้)
- คาร์ซินอยด์ซินโดรม (กลุ่มอาการของโรคมะเร็งคาร์ซินอยด์)
- ปัจจัยภายนอก ที่ส่งผลกระตุ้นและทำให้ผิวบอบบางแพ้ง่ายอาจมาจากสาเหตุ ดังนี้
- สภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นอากาศร้อนจัดหรือหนาวจัด อุณหภูมิห้องที่อยู่ หรือมลพิษทางสิ่งแวดล้อมทั้งแสงแดดและลมก็อาจทำให้ผิวถูกทำร้ายและส่งผลให้บอบบางจนเกิดอาการแพ้ง่ายหรือเป็นภูมิแพ้และอาการคันตามผิวหนังได้
- สารเคมีสะสมจากเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ผิวต่าง ๆ ที่ใช้มาเป็นระยะเวลานาน
- ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งมักจะเป็นสินค้าที่ผสมสารเคมีอันตรายแต่เห็นผลไวหรือใส่สารเคมีในปริมาณที่เกินกว่ามาตรฐานความปลอดภัยกำหนด ส่วนใหญ่แล้วสินค้าเหล่านั้นจะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ แต่แฝงไปด้วยการทำร้ายผิวทั้งนั้นจึงทำให้ผิวมีอาการบอบบางและแพ้ง่ายได้
4 วิธีเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย
- การเลือกสารชำระล้าง เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหรือแชมพูสระผม
ควรหลีกเลี่ยง : ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Sodium Lauryl Sulfate (SLS) เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ง่าย
ควรเลือกใช้ : ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Sodium Lauryl Ether Sulfate, Sodium Laureth Sulfate, TEA cocoyl glutamate, sodium cocoyl isethionate และ disodium Cocoamphodiacetate
- การเลือกผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่มีกลิ่นหอม เช่น ผลิตภัณฑ์ล้างหนน้า ครีมอาบน้ำ โลชั่น สบู่ล้างมือ หรือแม้แต่ทิชชู่เปียก
ควรหลีกเลี่ยง : ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม (fragrance หรือ perfume) และน้ำมันหอมระเหยอย่าง geranium oil , Lavender Oil และ Peppermint oil
ควรเลือกใช้ : ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า ปราศจากน้ำหอม , fragrance free และ unscented
- การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใส่สารกันเสีย เช่น เครื่องสำอาง ครีม สกินแคร์
ควรหลีกเลี่ยง : สารกันเสียกลุ่มพาราเบน (parabens) เช่น propylparaben , methylparaben หรืออื่นๆที่ลงท้ายด้วย -paraben
ควรเลือกใช้ : ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “ปราศจากสารกันเสีย (preservative free)” หรือใช้สารกันเสียที่สกัดมาจากธรรมชาติ เช่น phenoxyethanol หรือ Tea Tree Oil
- การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดด เช่น ครีมกันแดดผิวหน้าหรือครีมกันแดดผิวกาย
ควรหลีกเลี่ยง : ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ PABA (para-amino benzoic acid) และสารกันแดดประเภทเคมี (Chemical sunscreen หรือ organic sunscreen) เช่น cinnamates, benzophenones, salicylates หรือ anthranilates
ควรเลือกใช้ : สารกันแดดประเภทกายภาพ (physical sunscreen หรือ inorganic sunscreen) นั่นคือ Titanium dioxide และ Zinc oxide ซึ่งเด็กก็สามารถใช้ได้
สำหรับผู้ที่มีอาการผิวแพ้ง่ายน้ันต้องดูแลและเอาใจใส่ต่อร่างกายเป็นพิเศษ หากเผลอใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้เข้าไป จะส่งผลให้คุณทั้งคัน มีรอยแดง และมีผื่นขึ้นตามตัว ซึ่งระดับความรุนแรงของการแพ้ก็จะแตกต่างกันไปตามสภาพผิวหนังของแต่ละคน ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านั้นจะดีที่สุด
แถมท้าย : หากคุณไม่มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ปลอดภัยจริงหรือเปล่า ใช้ไปนาน ๆ จะเกิดการสะสมและทำให้ผิวบอบบางได้ในอนาคตหรือไม่ คุณสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ในนามของคุณเองได้เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเหมาะสำหรับคนแพ้ง่ายจริง ๆ ซึ่งปัจจุบันหลายคนหันมาทำแบรนด์ครีมของตัวเองแม้กระทั่งดารานักแสดง หรือ Influencer เพื่อตอบสนองปัญหาผิวโดยเฉพาะจุดของแต่ละบุคคล เพราะการสร้างแบรนด์นั้นง่ายนิดเดียว ทุนน้อยก็ทำน้อย วันนี้เราจึงจะมาแบ่งปันขั้นตอนการสร้างแบรนด์ครีมหรือเครื่องสำอางเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณได้ ลองศึกษาดูกัน
ขั้นตอนที่ 1 : แจ้งคอนเซ็ปผลิตภัณฑ์ของลูกค้ากับทางโรงงานว่าลูกค้าต้องการเครื่องสำอางหรือครีมที่ช่วยในเรื่องใด เช่น ช่วยเรื่องสิว ลดเลือนริ้วรอย ผิวหน้ากระจ่างใส ฯลฯ
ขั้นตอนที่ 2 : เลือกสูตรของผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการและทำการทดลองก่อนการผลิตว่าได้ประสิทธิภาพหรือไม่
ขั้นตอนที่ 3 : หลังจากที่ลูกค้าทดลองสูตรจนเป็นที่พึงพอใจแล้ว ทางโรงงานจะส่งใบเสนอราคาขั้นต่ำในการผลิตให้กับลูกค้ารวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์และฉลากต่าง ๆ
ขั้นตอนที่ 4 : ลูกค้าชำระเงินตามใบเสนอราคาและเริ่มปรึกษาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โลโก้ หรือฉลากต่าง ๆ ได้เลย
ขั้นตอนที่ 5 : แจ้งจดทะเบียน อย. หลังจากที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์และมีสูตรของสินค้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งส่วนนี้บางโรงงานจะดำเนินการให้เลย
ขั้นตอนที่ 6 : เริ่มผลิตสินค้า ในกรณีที่สั่งผลิตครั้งแรกอาจจะใช้ระยะเวลาในการผลิตประมาณ 30 วัน ส่วนรอบต่อ ๆ ไปใช้เวลาในการผลิตประมาณ 15 วัน
ขั้นตอนที่ 7 : ส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าโดยลูกค้าสามารถมารับเองได้ที่โรงงานหรือให้ทางโรงงานจัดส่งให้ก็ได้
เห็นไหมล่ะว่าขั้นตอนการสร้างแบรนด์ครีมของตัวเองไม่ได้ยากเลย เพียงแค่คุณต้องเลือกโรงงานผลิตครีมที่ไว้วางใจได้ มีมาตรฐานตามหลักสากล มีใบรับรองการผลิตและมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้คำปรึกษาโดยเฉพาะ หากคุณไม่รู้ว่าจะเลือกโรงงานไหนดี สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.รับผลิต.com ซึ่งทุกโรงงานได้มาตรฐาน ISO และ GMP อย่างแน่นอน
อ้างอิง :