รอยสิวบนใบหน้า นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่น่าหนักใจไม่แพ้ปัญหาผิวอื่น ๆ แม้สิวจะหายแล้วแต่ก็ยังทิ้งรอยแดงรอยดำไว้ให้ปวดใจอีก มากไปกว่านั้นรอยสิวเป็นอะไรที่หายยากมาก ๆ ทำให้สร้างความกังวลใจให้กับผู้ที่เป็นสิวง่ายอย่างยิ่ง หากดูแลรักษาไม่ดีรอยสิวอาจทิ้งไว้ถึงหกเดือนก็ยังไม่หาย หากไปเลเซอร์ก็คงจะเสียงบประมาณไปค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว วันนี้เราจึงพามาดูวิธีรักษารอยสิวอย่างไรให้จางลงได้ด้วยตัวเองกัน
สาเหตุของการเกิด ‘รอยสิว’
รอยสิวมักจะมีลักษณะเป็นรอยสีแดงหรือสีน้ำตาลที่เหลือทิ้งไว้หลังสิวหาย ซึ่งเกิดจากการอักเสบและการอุดตันของรูขุมขนใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นสิวอักเสบมักจะมีร่องรอยหลังการรักษาสิวหายเสมอ ส่วนสิวที่มีระดับความรุนแรงน้อยอย่างสิวหัวขาวหรือสิวหัวดำจะไม่ค่อยทิ้งร่องรอยไว้สักเท่าไหร่ แต่การบีบสิวหรือการกดสิวก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยดำและรอยแดงได้ โดยรอยสิวสามารถแบ่งออกเป็นได้ 2 ลักษณะ ดังนี้
-
รอยสิวทั่วไป
เป็นรอยสิวที่มีลักษณะเหมือนจุดสีแดงหรือสีน้ำตาลซึ่งเป็นเพียงหลุมตื้น ๆ เท่านั้น ส่วนใหญ่มักจะจางหายไปได้เองเมื่อผ่านไปหลายเดือน
-
รอยหลุมสิว
หากคุณมีสิวขั้นรุนเเรงหรือไปกดบีบสิวก็อาจทำให้เกิดหลุมสิวได้ ซึ่งการรักษาสิวประเภทนี้อาจต้องได้รับการดูแลจากแพทย์โดยเฉพาะ
วิธีการรักษารอยสิวทั่วไปและการป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิว
อย่างที่ได้กล่าวไว้ด้านบนว่ารอยหลุมสิวหากเป็นแล้วยากที่จะรักษาให้หายเองได้ แต่หากคุณเป็นรอยสิว รอยดำ รอยแดง ทั่วไป คุณสามารถรักษาให้หายเร็วขึ้นได้ด้วยตัวคุณเองโดยให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังต่อไปนี้
- คอร์ติโซน (Cortisone) สำหรับผู้ที่เป็นรอยดำรอยแดงจากสิวคุณสามารถใช้ครีมคอร์ติโซนเพื่อลดภาวะอักเสบของผิวหนัง ทำให้สีแดงบนใบหน้าจางหายไป แต่แม้ครีมคอร์ติโซนจะสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ผู้ใช้ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้งานเสมอ
- วิตามินซีหรือกรดแอสคอร์บิก (Vitamin C/Ascorbic Acid) จะช่วยให้ร่างกายต่อต้านการอักเสบ ทำให้แผลหายเร็ว และช่วยลดรอยดำจากสิวได้
- อาร์บูติน (Arbutin) และกรดโคจิก (Kojic Acid) ซึ่งเป็นสารยับยั้งการผลิตเม็ดสี จึงช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิวได้
- ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อวิตามินบี 3 มีสรรพคุณในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ต้านการอักเสบ, ช่วยรักษาสิวอักเสบ, และลดรอยแดงรอยดำจากสิว ทำให้ผิวไม่แห้งเสียอีกด้วย
การป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิว
-
หลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิว
การกดหรือบีบสิวจะทำให้เกิดการลุกลามของสิว เพราะแบคทีเรียภายในสิวอาจแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นบนใบหน้าและทำให้ผิวหนังเกิดความเสียหายส่งผลให้เกิดรอยสิวได้ง่าย เช่น เป็นรอยหลุมสิว ทำให้ต้องพึ่งหัตถการหรือหาวิธีกระชับรูขุมขนกว้างอื่น ๆ
-
หลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดดเป็นตัวการที่ทำให้ผิวถูกทำร้ายได้ง่าย สำหรับผู้ที่เป็นรอยสิวการสัมผัสกับแสงแดดจะทำให้ยิ่งเห็นรอยชัดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากจำเป็นต้องออกไปนอกตัวอาคารควรป้องกันโดยสวมเสื้อกันแดด แว่นตา หรือหมวก และหมั่นทาครีมกันแดดที่มี SFP 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน ซึ่งครีมกันแดดนอกจากปกป้องรังสียูสีที่ทำให้หน้ามีจุดด่างดำแล้ว ยังเป็นวิธีดูแลสำหรับผู้ที่อยากหน้าใสไร้สิวเบื้องต้นที่ได้ผลดีเยี่ยม
-
งดการใช้วิตามินอี
มีการวิจัยบางส่วนระบุว่า หากมีการนำสารอาหารอย่างวิตามินอีเข้าสู่ผิวที่มีรอยสิวโดยตรงจะทำให้รบกวนกระบวนการฟื้นฟูผิวและเกิดผลข้างเคียงต่อการเป็นผื่นแพ้สัมผัสได้
-
งดพอกหน้าด้วยครีมหลายตัวพร้อมกัน
การทาครีมหรือพอกหน้าด้วยผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัวพร้อมกันบริเวณรอยสิว อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและส่งผลให้รอยสิวปรากฎชัดเจนขึ้นได้
-
เพิ่มพรีไบโอติกให้กับร่างกาย
พรีไบโอติก เป็นอาหารของไมโครไบโอมชั้นดีหาได้จากการรับประทานผักและผลไม้ ซึ่งเมื่อไมโครไบโอมในร่างกายแข็งแรงก็จะส่งผลให้ผิวมีความแข็งแรงและลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาผิวได้ โดยในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของพรีไบโอติกก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
สำหรับรอยดำและรอยแดงที่มีสาเหตุมาจากสิวคุณสามารถรักษาและดูแลได้ด้วยตัวเองโดยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงและรักษาผิวหน้าที่มีส่วนผสมดังที่กล่าวไว้ก็จะทำให้รอยสิวดูจางลงได้ไว อย่าลืม! หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดรอยสิวด้วยล่ะ
เพิ่มเติม : สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มลดรอยสิวด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี วันนี้เรามีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเริ่มต้นสร้างแบรนด์ครีมให้เป็นที่จดจำมาฝากกัน
-
การตั้งชื่อครีมต้องสอดคล้องกับตัวผลิตภัณฑ์
หากคุณต้องการให้สินค้าเป็นที่จดจำได้ง่ายคุณต้องตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ให้มีความสอดคล้องกัน เพราะบ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นชื่อผลิตภัณฑ์แล้วนึกไม่ออกเลยว่าสินค้าตัวนี้มันคืออะไรกันแน่ หากคุณตั้งชื่อให้มีความหมายสื่อถึงสิ่งที่ทำอยู่ ลูกค้าจะจดจำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
-
โลโก้ต้องสื่อถึงตัวตนของแบรนด์
โลโก้เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ได้ดี หากคุณออกแบบโลโก้ให้สื่อถึงตัวแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นรูป สี หรือความหมายแฝงอยู่ในโลโก้ก็จะช่วยให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ทำให้ช่วยสร้างการจดจำได้
-
กำหนดเป้าหมายของแบรนด์ให้ชัดเจน
การตั้งเป้าหมายของแบรนด์ให้ชัดเจนช่วยให้คุณรู้ว่าจะต้องเดินไปตามทิศทางไหนหรือต้องโฟกัสในเรื่องใด เช่น หากแบรนด์ครีมของคุณเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ช่วยลดรอยสิวโดยเฉพาะ ลูกค้าก็จะจำได้ว่าหากต้องการลดรอยสิวต้องนึกถึงแบรนด์นี้เท่านั้น
-
บอกเล่าเรื่องรางของแบรนด์
ปัจจุบันนี้การที่จะสื่อสารให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจได้ก็คือ การเล่าเรื่องราวของแบรนด์ หากคุณสามารถสื่อสารได้อย่างน่าสนใจ ผู้บริโภคก็จะมีการจดจำแบรนด์ได้สูงกว่าแบรนด์ที่ไม่มีเรื่องราวใด ๆ เลย
-
สร้างความแตกต่าง
หากคุณต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่น่าสนใจในตลาดคุณต้องห้ามทำตามคู่แข่ง เพราะความเหมือนจะไม่สามารถสร้างเอกลักษณ์ให้เป็นที่น่าจดจำได้ ยิ่งแตกต่างก็จะยิ่งทำให้เกิดความแปลกใหม่ในตลาดและเป็นที่จดจำของลูกค้าได้มากขึ้น
หากคุณลองคิดคอนเซปของแบรนด์และทำตามทั้ง 5 ข้อนี้รับรองได้ว่าแบรนด์ของคุณต้องเป็นที่จดจำอย่างแน่นอน แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการเลือกโรงงานผลิตครีมที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพเพื่อความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภค หากคุณไม่รู้ว่าจะเลือกโรงงานไหนดี สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.รับผลิต.com ซึ่งรวบรวมโรงงานที่ได้มาตรฐาน ISO ไว้หมดแล้ว นอกจากนี้หลาย ๆ โรงงานยังให้บริการแบบ One Stop Service คือการให้บริการแบบครบจบในที่เดียวทั้งการผลิตสูตรสินค้า การยื่นจดทะเบียน อย. รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์และโลโก้ต่าง ๆ ให้ด้วย
อ้างอิง :