สิวอักเสบรักษายังไง ? เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัย สิวอักเสบ หรือ (Inflammatory Acne) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่ไม่ควรละเลย ด้วยความที่ลักษณะของสิวที่อักเสบจะมีหนองด้านใน หากรักษาไม่ถูกวิธี นอกจากเชื้อแบคทีของสิวที่เรียกว่า P.acne จะกระจายตัว ทำให้เกิดสิวรักษาไม่หายลุกลามได้แล้ว ยังก่อให้เกิดปัญหาหลุมสิวด้วย ซึ่งการรักษาหลุมสิวเป็นปัญหาใหญ่มาก ๆ ไม่สามารถรักษาหายขาดได้ง่าย ๆ ดังนั้นในบทความนี้จึงได้สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสิวดังกล่าวมาบอกต่อกัน สำหรับบุคคลที่สนใจ อ่านรายละเอียดได้ ที่นี่ เลย
ปัจจัยอะไร ทำให้เกิด สิวอักเสบ
ก่อนอื่น ทุกคนจะต้องทราบก่อนว่าสิวอักเสบ สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วทั้งเรือนร่าง ทว่าตำแหน่งที่มักจะเกิดสิวดังกล่าวได้ง่ายนั้น จะเป็นบริเวณที่มีรูขุมขนกว้างและต่อมไขมันเยอะ เนื่องจาก “สิวที่อักเสบ” เกิดจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันเยอะเกินไป ทำให้ตกค้างในรูขุมขน จนเกิดการอุดตัน กลายเป็นสิวอุดตันใต้ผิวหนัง เมื่อไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี ด้วยกลไกของร่างกาย ต้องการกำจัดสิ่งแปลกปลอมก็จะดันสิวอุดตันขึ้นมา จึงได้เกิดการอักเสบและมีหนองได้ และอีกรูปแบบหนึ่งเป็นในลักษณะของรูขุมขนได้รับการระคายเคือง ทำให้เกิดการอักเสบได้นั่นเอง
แล้วปัจจัยที่สามารถทำให้การเกิดสิวที่อักเสบเม็ดโตได้ ก็จะเกี่ยวโยงกับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อต่อมไขมันและรูขุมขนโดยตรงนั้นเอง โดยมี 6 ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวดังกล่าว ดังนี้
- ไขมันผิวหนัง หรือ Sebum มีปริมาณมากผิดปกติ ทำให้ซึมเข้าสู่ผิวหนัง หากไม่ได้ล้างความมันบนใบหน้าออกทั้งหมด ก็จะเกิดการอุดตันภายในรูขุมขนและไขมันสามารถดักจับสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่นละลองต่าง ๆ ให้รวมตัวไขมันไปสะสมบนรูขุมขนได้ เป็นหนึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวหลัก ๆ เลย ได้รับเชื้อ P.acne หรือ Propionibacterium Acnes เป็นเชื้อสิวชนิดหนึ่งที่สามารถซึมลงสู่ผิวหนังได้ไว และกระจายตัวได้ หากรักษามาถูกวิธี ไม่สามารถหายได้
- สิ่งแปลกปลอมตกค้างในรูขุมขนจนเกิดการอุดตัน เช่น การล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด มีเครื่องสำอางตกค้างบนใบหน้า ฯลฯ ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอม ระบบภูมิคุ้มกันทำงาน ก็จะดันสิ่งนั้นออกจากร่างกาย จึงได้เกิดการอักเสบของสิวขึ้นมารุนแรงมาก บางคนหัวใหญ่มากด้วย ร่างกายสนองต่อสิ่งเร้าได้ไวผิดปกติ ถึงแม้ว่าร่างกายเมื่อถูกสิ่งเร้ามากระตุ้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ทว่าบางคนมีภูมิคุ้มกันที่ไวต่อสิ่งเร้ามาก ๆ หรือบุคคลที่แพ้ง่าย มักเกิดสิวได้ง่าย บางครั้งแค่เปลี่ยนกระดาษทิชชูซับใบหน้าก็ก่อให้เกิดการระคายเคืองจนเป็นสิวที่อักเสบรุนแรงได้แล้ว
- ระดับฮอร์โมนภายในร่างกายไม่สมดุลหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฮอร์โมนภายในร่างกายมักจะเชื่อมโยงกับต่อไขมัน เมื่อฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ต่อมไขมันผลิตไขมันมากขึ้น ความมันบนร่างกาย โดยเฉพาะที่ใบหน้ามากขึ้น สิวที่อักเสบสามารถเกิดขึ้นได้ การอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเชื่อมโยงกับการล้างหน้าไม่สะอาดหรือทำความสะอาดร่างกายไม่สะอาด ทำให้เซลล์ผิวหนังที่ตายตกค้างในรูขุมขนและเกิดสิวที่อักเสบขึ้นมาได้ แล้วเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ในแต่ละวันมีเยอะมาก ๆ จนเป็นที่มาของรักษาความสะอาดนั้นเอง และสิ่งเร้าอื่น ๆ ที่มีส่วนทำให้ต่อมไขมันหรือรูขุมขนผิด มีส่วนทำให้เกิดสิวที่อักเสบได้ ดังนั้นควรใส่ใจเรื่องสิวให้มาก ๆ
สิวอักเสบดูแลอย่างไร
การรักษาสิวอักเสบด้วยตัวเองหรือการดูแลสิว ทุกคนจะต้องรู้ก่อนว่าสิวที่อักเสบมีลักษณะเป็นอย่างไร…? เพราะแค่อธิบายมีการอักเสบ ภายใยหัวสิวจะมีหนอง ซึ่งก็มีอาการอื่น ๆ ของโรคผิวหนังที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิวที่อักเสบ เช่น ผดร้อน ผื่นแพ้ต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อการดูแลที่ถูกต้อง ควรรู้ลักษณะของสิวก่อน
โดยสิวที่เกิดการอักเสบ จะแบ่งออก็เป็น 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ สิวหนองตุ่มแดง (เป็นสิวที่มีลักษณะตุ่มสีแดงขนาดเล็กมาก เมื่อคลำดูแล้ว สัมผัสได้ถึงความเจ็บ ความแข็งของหัวสิวและเป็นสิวจะนูนขึ้นมาบนผิวหนัง สิวหัวหนอง (เป็นสิวที่เกิดการอักเสบขั้นรุนแรงของต่อมเหงื่อและของรูขุมขน ทำให้หัวสิวมีลักษณะบวมอักเสบใหญ่ขึ้นมา ด้านในมีหนองเยอะมาก) สิวก้อนลึก (เป็นสิวที่มีขนาดเล็กและแข็งมาก จะฝั่งอยู่ใต้ผิวหนังลึก) สิวซีสต์ (เป็นสิวที่มีลักษณะของหัวสิวที่ใหญ่ คล้ายคลึงกับหัวของฝี ภายในมีหนองปริมาณมาก และเป็นสิวที่อักเสบขั้นรุนแรงที่สุด)
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสิวที่อักเสบอยู่ หรืออยากลดรอยดำรอยแดงจากสิวสามารถดูแลอาการสิวเบื้องต้นได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้มีอาการอักเสบรุนแรงก่อน ซึ่งขั้นตอนการดูแล มี 5 วิธี ต่อไปนี้ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl peroxide เป็นตัวยาทาหัวสิวที่เน้นการฆ่าเชื้อสิว ทำให้อาการอักเสบทุเลาลง ไม่รุนแรง ใช้ทาเฉพาะจุดเท่านั้น Salicylic acid เป็นยาที่เน้นการจำกัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหรือตายแล้วออกไป ช่วยลดรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิวที่อักเสบยุบตัวลง Sulfur เป็นยาทาสิวที่อักเสบทั่วไป ช่วยให้การอักเสบของสิวไม่รุนแรง ใช้กับผู้ที่มีสิวเบื้องต้นเท่านั้น
- การประคบด้วยน้ำแข็ง จะช่วยลดอาการบวมแดงและอักเสบของสิวได้ ทว่าการประคบเย็น จะต้องเลือกน้ำแข็งที่สะอาด แนะนำให้นำน้ำเปล่าที่สะอาดทำน้ำแข็งเอง จะไม่มีสารปนเปื้อนที่สามารถกระตุ้นให้เชื้อสิวกำเริบ แล้วการประคบเย็นช่วยลดรอยแดงได้ด้วย การใช้น้ำมันทีทรี เป็นหนึ่งในสารสกัดที่มีจุลินทรีย์ที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติ ซึ่งมีส่วนช่วยลดการอักเสบของสิวแล้ป้องกันรอยดำรอยแดงต่าง ๆ
- การดื่มหรือทาผลิตภัณฑ์ที่สกัดมาจากชาเขียว เหมาะสมกับบุคคลที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เนื่องจากชาเขียวมีสารต่อต้านการอักเสบจึงช่วยลดการบวมแดงของสิวที่อักเสบได้ดี แถมช่วยลดความมันส่วนเกินที่อยู่บนใบหน้า ทำให้โอกาสที่จะเกิดสิวขึ้นซ้ำ ๆ อีกลดลงได้ ทำความสะอาดผิวพรรณและผิวหน้าให้ดี อย่าให้มีสิ่งสกปรกตกค้าง และหากมีสิวอักเสบที่รุนแรง ควรพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธีที่สุด
สิวอักเสบรักษายังไง
หากเกิดสิวที่อักเสบแล้ว การรักษาสิวให้หน้าใสและดูแลอาการเบื้องต้นด้วย แต่อาการอักเสบไม่ทุเลา นั้นหมายความว่าสิวอักเสบ รักษาสิวแบบธรรมชาติไม่ได้แล้ว จำเป็นจะต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาที่ต้นต่อกันจริง ๆ ซึ่งมีขั้นตอนการรักษา ได้แก่ ปรึกษาแพทย์ เพื่อดูชนิดของสิวว่าเป็นสิวที่อักเสบในลักษณะใด แล้ววิเคราะห์หาสาเหตุ บางสถาบันเกี่ยวกับการรักษาสิว จะมีการเจาะหัวสิวส่งตรวงหาต้นตอด้วย ซึ่งเป็นกระบวนการรักษาที่ดีมาก ๆ เพราะทุกคนจะได้ทราบถึงสาเหตุและรักษาได้ตรงจุดนั้นเอง
การทายา ซึ่งหลายคนมักจะเข้าใจผิด คิดว่าการรักษาสิว คือ การกดสิว การเลเซอร์ การฉีดสิว ฯลฯ ซึ่งหัตการเหล่านั้น เป็นวิธีรักษาทางเลือก แต่หัวใจสำคัญจริง ๆ ของการรักษาสสิวเป็นการ “ทายา” นั้นเอง โดยตัวยาจะแบ่งออกไปตามชนิดของสิว แต่ส่วนใหญ่ก็จะเน้นผลัดเซลล์ผิวและฆ่าเชื้อสิวเป็นหลัก เพื่อกำจัดเชื้อสิวและป้องกันไม่ให้เชื้อสิวเกิดการกระจายตัวลุกลามจนรักษายาก การทานยา เป็นวิธีรักษาที่มักจะมาคู่กับการทายา เพราะจะช่วยให้อาการที่ดีขึ้นไว การอักเสบของสิวทุเลาลงไวมาก ๆ แล้วค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย
ป้องกันอย่างไร ไม่ให้กลับมาเป็นสิวอักเสบ
เมื่อทราบหลักการวิธีรักษาสิวอักเสบแบบเร่งด่วน ไปแล้ว ต่อมาทุกคนจะต้องดูแลสภาพผิวให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้สิวเกิดขึ้นซ้ำได้อีก โดยมี 3 วิธีการป้องกันต่อไปนี้
- ทำความสะอาดผิวหน้าและชำระร่างกายให้สะอาด เป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ทำลายความชุ่มชื้นของผิว
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์มีสารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ครบถ้วน จะช่วยกระตุ้นให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ไวต่อเชื้อสิวได้ และไม่มีไขมันส่วนเกิน
- ไม่ควรนำมือมาแคะ แกะ เกาบริเวณใบหน้าบ่อย ๆ เพราะจะทำให้สิวอักเสบบวมแดงเกิดขึ้นได้อีก เพราะมือเป็นอวัยวะที่จับสิ่งต่าง ๆ อาจมีเชื้อสิวได้
สรุป หากมีปัญหาเกี่ยวกับสิวที่อักเสบ ควรตั้งสติและพิจารณาลักษณะของสิวที่เกิดขึ้น หากไม่รุนแรงสามารถดูแลด้วยตนเองได้ ถ้ามีอาการรุนแรงควรพบแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกวิธี
อ้างอิง
- 5 วิธีการดูแลรักษาผิวเมื่อสิวอักเสบบุกหน้า จัดการสิวดื้อไม่ยอมหาย. https://vogue.co.th/beauty/skin-care-inflammatory-acne