ช่วงนี้เวลาไปไหนมาไหนต้องเจอเพื่อนทักตลอดว่าทำไม หน้าหมองคล้ำ ไม่มีออร่าเลย ทำให้หมดความมั่นใจและสร้างความหนักใจให้กับสาว ๆ อย่างเรามากเลยทีเดียว ขนาดลงรองพื้นกลบใต้ตาให้แน่นแล้วแต่หน้าก็ยังดูไม่กระจ่างใสอยู่ดี วันนี้เราจะมาหาทางออกให้กับสาว ๆ เพื่อเรียกคืนความมั่นใจและผิวหน้าที่สว่างกระจ่างใสให้กลับมาอีกครั้งกัน
หน้าหมองคล้ำ เกิดจากอะไร
ใบหน้าที่ดูหมองคล้ำไม่กระจ่างใส เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น มลภาวะ ฝุ่น ควัน แสงแดด ความเครียด การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มน้ำเปล่าน้อย หรือผิวหน้าขาดการบำรุง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่มีออร่า ทั้งยังดูไม่สดใสและอาจเป็นต้นตอของปัญหาริ้วรอยหรือจุดด่างดำต่าง ๆ ได้อีกด้วย
ปัญหาใบหน้าหมองคล้ำแก้ยังไงดี
-
ปัญหาใต้ตาดำ
หน้าสดทีไรก็จะเห็นรอยคล้ำใต้ตาที่เกือบจะเหมือนหมีแพนด้าทุกที ต่อให้โบกคอนซีลเลอร์เพื่อปกปิดยังไงก็เอาไม่อยู่ จนใคร ๆ ก็ทักว่าช่วงนี้นอนน้อยหรอ ทั้ง ๆ ที่เราก็นอนเยอะนะ ซึ่งบางทีการที่ใต้ตาดำอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากการนอนน้อยอย่างเดียวก็ได้ แต่อาจมีสาเหตุมาจาก
- การไม่ทาครีมกันแดด : ส่งผลให้แดดทำร้ายผิวรอบดวงจาจนดำคล้ำขึ้นมาได้
- การนอนหลับไม่สนิท : ต่อให้นอนเยอะแค่ไหน หากตื่นมาแล้วไม่รู้สึกสดชื่นแสดงว่าคุณยังนอหลับไม่สนิท จึงส่งผลให้เส้นเลือดบริเวณผิวหนังใต้ดวงตาขยายตัวขึ้นและทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นคล้ำขึ้นได้
- การกินเค็ม : หากคุณเป็นคนที่ชอบกินอาหารรสชาติเค็มหรืออาหารที่มีโซเดียมเยอะจะทำให้ผิวขาดน้ำจึงต้องกักเก็บน้ำไว้และส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการบวมน้ำ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวรอบดวงตาคล้ำและบวมขึ้นได้
- อาการแพ้ : บางคนที่เป็นภูมิแพ้หรือมีอาการแพ้ต่าง ๆ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รอบดวงตาดำคล้ำขึ้นได้เช่นกัน
วิธีแก้ปัญหาใต้ตาดำ
การที่ใต้ตาดำจะสว่างขึ้นได้ เราได้แชร์เคล็ดลับบำรุงใต้ตาให้สดใสได้ง่าย ๆ ดังนี้
- ดื่มน้ำเปล่าต่อวันให้ได้ 7-8 แก้วหรือคิดเป็นปริมาณ 1.5-2 ลิตร
- ลดการทานเค็มลงเพื่อลดโซเดียมในร่างกายและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่ออาการบวมน้ำ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งควรนอนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง นอกจากนี้ควรงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและงดเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนเพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจอจะรบกวนการผลิตสารเมลาโทนินทำให้การนอนหลับของเราถูกกรบกวน
-
ปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้า
หากคุณเป็นคนที่ชอบส่องกระจกสังเกตุใบหน้าของตัวเอง คุณอาจสงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ ก็มีจุดด่างดำโผล่ขึ้นมาบนในหน้าได้ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยมีเลย ซึ่งจุดด่างดำเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ต่อให้เมื่อก่อนเป็นคนผิวหน้าใสขนาดไหนก็มีอาจมีจุดด่างดำได้ เนื่องจากมลภาวะต่าง ๆ ที่เจอทุกวันไม่ว่าจะเป็นแสงแดดหรือแสง UV ที่เป็นสาเหตุทำให้เม็ดสีเมลานินผลิตมากขึ้นจนทำให้เกิดจุดด่างดำได้
วิธีแก้ปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้า
แม้ว่าหลาย ๆ คนแก้ปัญหาตรงนี้ด้วยหัตถการเลเซอร์ แต่ทราบไหมว่ามันมีวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดรอยดำและรอยแดงแบบไม่เลเซอร์และแก้ปัญหาตรงจุดได้มากกว่า ดังนี้
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะออกไปข้างนอกหรือไม่เพราะแสงรังสี UV ของหน้าจอโทรศัพท์ก็อาจทำร้ายผิวหน้าได้เหมือนกัน โดยให้เลือกครีมแบบที่ปกป้องได้ทั้งแสง UVA และ UVB ที่มีค่า SPF และ PA อยู่ในระดับ SPF50 และ PA+++
- บำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีเพื่อลดรอยจุดด่างดำ ซึ่งจะเป็นแบบครีมหรือเซรั่มก็ได้
-
ปัญหาใบหน้าไม่กระจ่างใส
สาเหตุของปัญหาผิวหน้าไม่กระจ่างใสส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของเราทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น การสูบบุหรี่ ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ถูกแสงแดดทำร้าย บำรุงน้อยหรือเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ยังไม่ได้ประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ผิวถูกทำร้ายและดูหมองคล้ำไม่สว่างกระจ่างใสใด้
วิธีแก้ปัญหาผิวหน้าไม่กระจ่างใส
การที่มีหน้าหมองคล้ำนอกจากจะเกิดจากปัญหาผิวใต้ตาที่โทรม, รอยดำรอยแดงที่ทำให้สีของใบหน้าดูไม่สดใส และอีกสิ่งคือใบหน้าที่ไม่กระจ่างใส ความขาวใสนั้นไม่ได้จำกัดความขาวสีโทนสีผิวแต่มันคือการกระจ่างใสดูชุ่มชื่น แล้วหน้าหมองคล้ำใช้อะไรดีในการดูแล? เราได้ย่อวิธีง่าย ๆ ได้คุณดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอและผ่อนคลายความเครียด ซึ่งเวลาเข้านอนที่คือควรนอนตั้งแต่ 4 ทุ่มเพื่อให้ผิวได้รับโกรทฮอร์โมนที่จะช่วยซ่อมแซมผิวเสียได้
- เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยการดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ บวกกับบำรุงด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อคงความชุ่มชื้นให้กับผิวหรือใช้เซรั่มเพื่อการบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก
- ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามันซีเพื่อเพิ่มความกระจ่างใสของใบหน้า ซึ่งวิตามินซีคือส่วนผสมที่ค่อนข้างปลอดภัยกับผิวมากที่สุด
- ทาครีมอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากทาครีมเพียง 1-2 วันอาจจะไม่เห็นผลลัพธ์เท่าไหร่ ส่วนใหญ่มักต้องใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องนานถึง 28 วันจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
- ขัดผิวอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพราะเป็นไปได้ว่าที่ผิวหมองคล้ำอาจมาจากเซลล์ผิวเก่ายังผลัดออกไม่หมดเลยทำให้ผิวดูหมองคล้ำ การขัดหรือสครับผิวจึงจะช่วยให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออกไปได้ แต่อย่าทำบ่อยเกินไปเพราะการขัดผิวอาจทำให้ผิวแห้งได้เช่นกัน
คราวนี้คุณก็รู้แล้วใช่ไหมละว่าปัญหาความหมองคล้ำต่าง ๆ บนใบหน้าเกิดจากสาเหตุอะไร ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความหมองคล้ำต่าง ๆ บนใบหน้า รวมถึงการป้องกันและบำรุงได้อย่างตรงจุด
หากคุณสนใจในการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อความกระจ่างใสของใบหน้าไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุงใต้ตา เซรั่มเพิ่มความกระจ่างใส หรือครีมลดเลือนจุดด่างดำแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนก่อนดี วันนี้เราได้รวบรวม 10 ขั้นตอนสู่การสร้างแบรนด์ครีมมาฝากกัน ซึ่งง่ายนิดเดียวไม่ว่าใครก็สามารถทำได้
- เลือกกลุ่มลูกค้า
สเตปแรกในการสร้างแบรนด์ครีมคุณต้องนึกก่อนว่าจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในด้านใด ต้องการขายสินค้าให้กับคนที่มีปัญหาผิวหน้าแบบไหน หรือมองว่าสินค้าประเภทใดจะมีโอกาสเติบโตขึ้นได้ เพราะหากรู้ภาพรวมของสินค้าแล้วจะทำให้ตัวสินค้ามีจุดเด่นและสามารถคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบได้
- สำรวจตลาด
การเข้าไปสำรวจตลาดของครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังจะสร้าง จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องการเสียเวลาหรือเสียเงินฟุ่มเฟือยไปกับสินค้าที่อาจจะไม่ได้เป็นที่ต้องการในตลาดได้ โดยคุณอาจศึกษาว่าช่วงนี้วัตถุดิบหรือสารประกอบตัวใดที่กำลังเป็นที่นิยมและคนตามหามากในขณะนั้น
- หาข้อมูลผู้ผลิตแบรนด์ครีม
ในปัจจุบันนี้การการสร้างแบรนด์ครีมไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะมีโรงงานผู้ผลิตครีม เครื่องสำอาง หรือสกินแคร์ต่าง ๆ มากมายหลายแห่ง บางที่ก็ให้บริการแบบ One Stop Service ซึ่งมีบริการครบจบในที่เดียวทั้งการผลิตครีม กล่องบรรจุภัณฑ์ รวมถึงช่วยทำการตลาดและดำเนินการจดแจ้งเลขที่ อย. ให้ด้วย
- เลือกโรงงานผู้ผลิตที่ไว้ววางใจได้
แม้ปัจจุบันจะมีโรงงานมากมายหลายแห่งก็จริง แต่เจ้าของแบรนด์ก็ต้องคัดเลือกโรงงานที่ไว้วางใจได้กันสักหน่อย ซึ่งโรงงานที่ดีต้องมีที่อยู่ชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นโรงงานเถื่อนและมีใบอนุญาตจัดตั้ง พร้อมกับผ่านมาตรฐาน ISO เพื่อให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าจะออกมามีคุณภาพตามเป้าหมาย
- เลือกสูตรผลิตภัณฑ์ที่สนใจ
เมื่อคุณเลือกโรงงานผู้ผลิตได้แล้ว ต่อไปเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดเพราะสินค้าจะออกมาในแนวทางไหนก็อยู่ที่ขั้นตอนการเลือกสูตรนี่แหละ ซึ่งทางโรงงานมักจะมีสูตรกลางที่เอาไว้ใช้ในการผลิตสินค้าไว้อยู่แล้ว เพียงแค่คุณเตรียมแพคเกจจิ้งก็พร้อมจำหน่ายได้เลย หรือหากคุณอยากใส่วัตถุดิบอะไรที่มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม ก็สามารถปรึกษากับทางโรงงานเพื่อพัฒนาสูตรให้มีความเป็นเอกลักษณ์ได้
- สั่งตัว Tester ก่อนการผลิตจริง
หากคุณเลือกสูตรของสินค้าได้แล้ว ให้ลองสั่งตัว Tester เพื่อนำมาลองใช้เองดูก่อน เผื่ออาจจะอยากปรับเปลี่ยนในส่วนของเนื้อสัมผัส กลิ่น หรือสีใด ๆ ก็จะสามารถปรับแก้ก่อนการผลิตจริงได้
- วางแผนการตลาด
เมื่อคุณได้สูตรที่โดนใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็สามารถเริ่มคิดชื่อแบรนด์หรือชื่อผลิตภัณฑ์สำหรับสินค้าที่จะวางขายและคิดช่องทางขายว่าจะจัดจำหน่ายบนออนไลน์ทางไหนบ้างหรือจะจัดตั้งหน้าร้านที่ไหน ทำเลดีหรือไม่
- ออกแบบโลโก้และบรรจุภัณฑ์
หลังจากคิดชื่อแบรนด์และชื่อสินค้าได้เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถปรึกษาโรงงานที่เป็น One Stop Service ให้ออกแบบโลโก้และผลิตภัณฑ์ได้เลย แต่หากโรงงานไหนที่ไม่มีการดำเนินการในส่วนนี้ให้ คุณก็สามารถติดต่อโรงงานรับผลิตบรรจุภัณฑ์เองได้
- สั่งผลิตสินค้า
เมื่อสูตรและบรรจุภัณฑ์พร้อมแล้ว คุณสามารถสั่งผลิตสินค้าได้เลยซึ่งส่วนใหญ่ยิ่งสั่งเป็นจำนวนเยอะก็จะยิ่งได้ราคาถูก
- พัฒนาสินค้าอยู่เสมอ
เมื่อสินค้าของคุณออกไปสู่ตตลาดแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อมาก็คือการพัฒนาสินค้าให้มีความอินเทรนด์อยู่เสมอทั้งการพัฒนาสูตรใหม่ ๆ การเพิ่มช่องทางการขาย หรือการปรับเปลี่ยนแพคเกจจิ้งใหม่เพื่อให้มีความทันสมัยและสะดวกต่อผู้บริโภคมากที่สุด
อ้างอิง :