สาว ๆ หลายคนต้องเจอปัญหาหน้าแห้งทำให้แต่งหน้าไม่ติดหรือแต่งแล้วหน้าลอกเป็นคราบกันมาแล้วแน่ ๆ ต่อให้ใช้เครื่องสำอางแพงแค่ไหนก็แก้ปัญหาไม่ได้อยู่ดี เพราะสาเหตุหลักอาจจะมาจากสภาพผิวที่ยังไม่พร้อมรับกับเครื่องสำอาง ต่อให้ก่อนออกจากบ้านจะแต่งเป๊ะสักแค่ไหนแต่พอผ่านไป 2-3 ชั่วโมงเครื่องสำอางก็ลอกออกเป็นคราบแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่กวนใจสาว ๆ อย่างเราเป็นอย่างมากและยังทำให้เสียความมั่นใจอีกด้วย ดังนั้นบทความนี้เราจึงจะมาเจาะลึกข้อมูลสาเหตุของอาการ หน้าแห้ง และวิธีแก้ปัญหาให้ถูกจุดเพื่อกู้ผิวหน้าให้กลับมาสวยใสและเรียบเนียนกัน
ผิวหน้าแห้ง เกิดจากสาเหตุอะไร
หน้าแห้ง (Dry Skin) เกิดจากสภาวะที่ผิวของเราสูญเสียความชุ่มชื้นซึ่งสภาวะนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย แต่ส่วนใหญ่คนที่เริ่มมีอายุเพิ่มมากขึ้นความแห้งเสียก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเมื่อตัวเลขแห่งวัยเพิ่มมากขึ้นร่างกายก็จะมีความสามารถในการผลิตน้ำมันหรือกรดไขมันที่จำเป็นในการหล่อเลี้ยงผิว เช่น Ceramides, กรดไขมัน และคอเลสเตอรอลที่ทำหน้าที่ในการช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวได้น้อยลง ซึ่งปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้าแห้งมี 2 ปัจจัย คือ
-
ปัจจัยภายใน เช่น
- พันธุกรรม สำหรับผู้ที่เป็นปัญหาด้านนี้อาจถูกส่งต่อมาจากกรรมพันธ์ุ เช่น พ่อหรือแม่เป็นโรคทางผิวหนังหรือโรคภูมิแพ้ผิวหนัง
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ฮอร์โมนในร่างกายจึงมีความเปลี่ยนแปลงทำให้ร่างกายผลิตไขมันในผิวได้น้อยลง
- ระดับฮอร์โมน อย่างเช่น ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์หรือภาวะหมดประจำเดือน
- อาหาร หากร่างกายขาดสารอาหารอย่างวิตามินจะทำให้ผิวหน้าแห้งและเปนขุยมากขึ้นได้
-
ปัจจัยภายนอก เช่น
- สภาพอากาศ หากคุณอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวจัดหรือร้อนจัดเป็นเวลานานเกินไป จะส่งผลให้ผิวแห้งกร้านได้มากกว่าปกติ
- การล้างหน้าด้วยน้ำร้อน ทำให้ไขมันที่เคลือบผิวถูกทำลายและทำให้หน้าแห้งเป็นขุย
- การทำเลเซอร์หรือทำทรีตเม้นต์หน้าบ่อยเกินไป
- การโดนแสงแดด ส่งผลให้ผิวหน้าแห้งมากขึ้นและกระตุ้นให้เกิดริ้วรอย
- ผิวขาดการบำรุง อย่างเช่น ไม่ใช้ครีมกันแดดหรือไม่ใช้ครีมที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น
- การอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน
- การรักษาโรคที่ทำให้ผิวขาดน้ำ เช่น การฉายรังสีหรือการล้างไต
การดูแลผิวหน้าแห้งให้กลับมาเรียบเนียนไม่เป็นขุย
ปัญหาผิวแห้งที่เกิดมาจากปัจจัยภายในอย่างพันธุกรรมหรืออายุอาจะดูแลและแก้ไขได้ยากกว่าปัญหาที่เกิดจากปัจจัยภายนอก ต้องดูหรือรักษาตามอาหารไป ส่วนปัญหาหน้าแห้งที่เกิดจากปัจจัยภายนอก สามารถดูแลและรักษาได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศแห้ง
- ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำอุณภูมิห้อง
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ โดยควรดื่มให้ได้วันละ 1.5-2 ลิตร
- รับประทานอาหารเพื่อเพิ่มวิตามิน เช่น ผักและผลไม้อย่าง มะม่วง กีวี่ กล้วย ผลไม้ที่ใมีรสเปรี้ยวหรือผักใบเขียวทุกประเภท
- บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีมอยซ์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
เพียงเท่านี้เราก็จะพอรู้แล้วว่าหน้าแห้งเกิดจากอะไรและจะเห็นได้เลยว่าส่วนใหญ่มาจากปัจจัยภาายนอกทั้งนั้น ดังนั้นเราจึงสามารถป้องกันและลดความแห้งบนใบหน้าได้ด้วยตัวเอง โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเลี่ยงและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวที่เน้นให้ความชุ่มชื้นโดยเฉพาะซึ่งปัจจุบันมีวางขายตามท้องตลาดให้คุณสามารถเลือกซื้อได้ง่ายหลายยี่ห้อ
แต่หากคุณอยากพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพราะปัจจุบันมีโรงงานรับผลิตครีมบำรุงผิวหน้าหลายแห่งที่ได้มาตรฐานและเป็นแบบ OEM หรือแบบ One Stop Service โดยจะดูแลคุณตั้งแต่เริ่มต้นผลิตไปจนถึงการออกวางขายสินค้าเลย ซึ่งงบประมาณไม่แพงอย่างที่คิด ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลักของผลิตภัณฑ์ ดังนี้
-
ส่วนผสมในครีม
แต่ละโรงงานจะมีทั้งสูตรกลางสำหรับพร้อมจำหน่ายเลยและจะมีทั้งแบบที่ลูกค้าต้องการปรับสูตรเอง ซึ่งส่วนผสมก็จะมีหลายเกรดลายราคาตั้งแต่หลักพันต่อกิโลกรัมไปจนถึงหลักหมื่นต่อขีด
-
Packaging (บรรจุภัณฑ์)
สำหรับผลิตภัณฑ์ครีมนั้นจะสามารถบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์ได้หลายรูปแบบทั้งแบบหลอด แบบซอง หรือแบบกระปุก ยิ่งหากเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งแรงหรือความสวยงามเป็นพิเศษ ราคาก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะมีราคาตั้งแต่หลักหน่วยไปจนถึงหลักร้อยต่อชิ้น
-
จำนวนการผลิตสินค้า
ส่วนใหญ่การผลิตสินค้าในโรงงานยิ่งมีจำนวนการผลิตเยอะ ราคาต่อชิ้นก็จะยิ่งถูกลงเพราะทางโรงงานไม่ต้องเสียเวลาในการตั้งเครื่องสำหรับสินค้าของลูกค้าใหม่ หากสั่งผลิตทีละน้อย ๆ ราคาก็จะสูงกว่าเพราะต้องเสียเวลาตั้งเครื่องใหม่หลายครั้ง
-
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
การสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองนอกเหนือจากค่าสินค้าแล้วจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าจดแจ้งเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ อย. ค่าโฆษณา ค่าจ้างพรีเซ็นเตอร์ หรือค่าลงทุนด้านการตลาด ต่าง ๆ
โดยรวมแล้ว งบระมาณสำหรับการสร้างแบรนด์ครีมก็จะอยู่ที่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนขึ้นอยู่กับคุณภาพของครีมและช่องทางการลงทุนด้านการตลาดที่คุณเลือกจัดจำหน่าย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพเพราะจะยิ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีคุณภาพสูง ปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
อ้างอิง :
