เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าถ้า อยากหน้าใส ไร้สิวเหมือนดาราเขาทำยังไงกันนะ? ทั้ง ๆ ที่เราก็ใช้ครีมบำรุงตามปกติมาตั้งนานแต่หน้าก็ยังดูหมองคล้ำ ไม่สดใส และไม่ขาวขึ้นสักที บทความนี้จะช่วยคลายข้อสงสัยและมาเปิดเผยเคล็ดลับที่เหล่าคนผิวสวยเขาทำกัน จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูไปพร้อม ๆ กันเลย
ทำไมหน้าถึงหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส
ปัญหาหน้าหมองคล้ำไม่กระจ่างใสเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยรวมถึงปัจจัยภายในร่างกายของคนเราด้วย ยกตัวอย่างเช่น
- ความเครียด
เมื่อร่างกายต้องประสบกับความเครียดก็จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปจนก่อให้เกิดสิว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าดูหมองคล้ำและไม่สดใสได้
- สภาพอากาศ
การอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวจัดจะทำให้ผิวแห้งกร้าน แตกเป็นขุย ส่งผลให้หน้าดูหมองคล้ำ ไม่เว้นแม้แต่การอยู่ในห้องแอร์ก็อาจทำให้ผิวแห้งได้เช่นกัน เพราะสภาพอากาศที่เย็นจะดูดความชุ่มชื้นไปจากผิวและอาจก่อให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้ ฉะนั้นการดูแลผิวหน้าแห้งนั้นเป็นขั้นตอนพื้นฐานเพื่อใบหน้าที่กระจ่างใสเช่นกัน
- การสูบบุหรี่
สาเหตุของผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำ และไม่สดใส ส่วนหนึ่งมาจากควันบุหรี่และนิโคตินที่เข้าไปทำลายออกซิเจนในผิวทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีและมีประสิทธิภาพต่ำ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวเสียได้
- อายุ
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจึงเสื่อมสภาพลงตามวัยทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระชับ และอาจมีฝ้าหรือกระเพิ่มขึ้นมาได้
- กระบวนการผลัดเซลล์ผิวช้า
ปกติแล้วเซลล์ผิวหนังในร่างกายของคนเราจะมีการผลัดเซลล์ใหม่ทุก ๆ 28 วันและเซลล์ผิวที่ตายจะหลุดลอกออกไปเองได้ แต่หากคุณมีความผิดปกติเซลล์ผิวผลัดช้าก็ส่งผลให้หน้าไม่กระจ่างใสได้
- การดื่มน้ำน้อย
หากร่างกายรับความชุ่มชื้นจากการดื่มน้ำได้ไม่เพียงพออาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและส่งผลให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่นหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส และดูไร้ชีวิตชีวา
10 เคล็ดลับที่ผู้หญิงหน้าใสมักทำเสมอ
-
ล้างหน้าให้สะอาดก่อนเข้านอน
หลังจากทำกิจกรรมต่าง ๆ มาตลอดทั้งวันแล้วหากเหนื่อยแค่ไหนสิ่งที่ห้ามลืมเลยก็คือ ‘การล้างหน้า’ เพราะบรรดาสิ่งสกปรกทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ฝุ่น หรือเหงื่อจะเกาะติดเคลือบผิวไว้ ทำให้ผิวหนังไม่สามารถถ่ายเทอากาศและก่อให้เกิดสิวอุดตันได้ในที่สุด ถ้าหากคุณเป็นสิวไม่หายทุกวันก่อนนอนทุกคืนควรล้างหน้าให้สะอาดไม่ว่าจะแต่งหน้าหรือไม่ก็ตามซึ่งจะช่วยลดการหมักหมมได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ควรใช้ผลิตภัณฑ์ Make up remover ด้วย เพราะเป็นตัวช่วยที่สามารถขจัดคราบเครื่องสำอางได้อย่างหมดจดและช่วยบำรุงผิวหน้าให้ดูกระจ่างใสอีกด้วย
-
ดื่มน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
เคล็ดลับผิวสวยของสาว ๆ หลายคนก็คือการดื่มน้ำนี่แหละ เพราะมันช่วยให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งเสียและเมื่อผิวมีความชุ่มชื้นแล้วต่อมไขมันก็จะลดการผลิตน้ำมันลง ส่งผลให้หน้าไม่มันเยิ้มจึงช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิวและทำให้หน้าสวยใสไร้สิวได้
-
บำรุงผิวหน้าด้วยเซรั่ม
หากคุณเป็นคนที่มีปัญหาผิวเฉพาะจุด อย่างเช่น จุดด่างดำ ริ้วรอย ความเหี่ยวย่น การบำรุงด้วยเซรั่มนับว่าเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้เลย เพราะเซรั่มจะมีส่วนผสมที่เข้มข้นและมีขนาดโมเลกุลเล็กมากกว่าครีมจึงสามารถเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก ทำให้ผิวหน้ามีความกระจ่างใส ไร้ริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
-
เปลี่ยนปลอกหมอนทุกสัปดาห์
ควรเปลี่ยนปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียและฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่เกาะอยุ่ตามปลอกหมอน นอกจากนี้ควรเช็ดหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นประจำด้วยเพราะอาจมีคราบสกปรกเกาะติดอยู่ เมื่อเรานำมาแนบผิวหน้าขณะคุยโทรศัพท์สิ่งสกปรกต่าง ๆ อาจติดใบหน้าของเราและทำให้เกิดสิวได้
-
ออกกำลังกาย
การมีสุขภาพดีจากภายในจะช่วยส่งผลให้คุณมีทั้งสุขภาพกายที่ดีและสุขภาพผิวที่ดี ซึ่งสิ่งที่ง่ายที่สุดและทุกคนสามารถลงมือทำได้ด้วยตัวเองก็คือการออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ร่วมด้วย จะทำให้คุณหน้าดูไบร์ทขึ้นอย่างมีชีวิตชีวาแน่นอน
-
หลีกเลี่ยงอาหารขยะ
การกินของหวาน ขนมปังขาว พาสต้า ขนมเค้ก หรือลูกอมอาจทำให้คอลลาเจนในผิวหนังสลายเร็วขึ้นก่อนวัยอันควรได้ เพราะเมื่อโมเลกุลน้ำตาลยึดเข้ากับเซลล์ในร่างกายรวมถึงเซลล์ผิวหนังจะเกิดปฏิกิริยาเร่งการสลายตัวของคอลลาเจนทำให้ผิวดูหมองคล้ำและไม่กระชับ ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากกว่า 80% ต่อวัน เช่น ผักสีเขียว ผลไม้สด โยเกิร์ตกรีก ถั่ว และเมล็ดพืชเพื่อให้ผิวดูสว่างกระจ่างใส
-
ขัดผิวอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
การขัดผิว เป็นการช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่สะสมอยู่ในชั้นบนสุดให้หลุดออกไปและกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ที่ดูชุ่มชื้นขึ้นมาแทน หากคุณไม่เคยขัดผิวเลยจะทำให้เกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกและก่อให้เกิดอาการผิวแห้งส่งผลให้มีริ้วรอยได้ในที่สุด ซึ่งคุณสามารถขัดผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว แต่การขัดผิวอาจทำให้ผิวแห้งได้ดังนั้นควรทาครีมบำรุงเพื่อรักษาสภาพผิวให้คงความสมบูรณ์ไว้มากที่สุด โดยคุณสามารถหาสูตรสครับผิวได้ง่าย ๆ ในเว็บไซต์ของเรา
-
เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงให้เหมาะกับสภาพผิว
ผู้หญิงแต่ละคนมีปัญหาผิวหน้าที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ทั้ง Cleaner, Toner, Cream, Serum หรือ Essence จึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน ต้องรู้ว่าผิวของเราเป็นแบบไหน ขาดการบำรุงอะไรไป เช่น หากเป็นคนหน้าแห้งก็ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น หรือหากเป็นคนหน้ามันก็ให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบเพื่อที่จะได้บำรุงผิวให้กระจ่างใสได้อย่างตรงจุด
-
มาส์กหน้าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
การมาส์กหน้าคือสิ่งที่ผู้หญิงอยากมีผิวสวยต้องทำมากที่สุด เพราะมันเป็นวิธีที่ช่วยดูแลผิวให้คงความอ่อนเยาว์ ป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นแล้วกำจัดสารพิษออกไป อีกทั้งยังช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งมาส์กทั่วไปจะมีส่วนผสมที่ค่อนข้างเข้มข้นจึงทำให้หน้ากระจ่างใสอย่างเห็นผลได้ชัด
-
บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ
การที่จะมีผิวสวยกระจ่างใสได้นั้นต้องอาศัยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างมีวินัยและสม่ำเสมอ จึงจะให้ผลลัพธ์ได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ
หากทำครบทั้ง 10 ข้อนี้พร้อมกับเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณไม่ว่าจะเป็น ครีมบำรุง โลชั่น หรือเซรั่ม รับรองได้เลยว่าผิวหน้าของคุณต้องใสปิ๊งเหมือนดาราแน่นอน แต่!! มีอีกหนึ่งข้อที่เราอยากแนะนำนอกเหนือจากนี้ ถ้าหากคุณอยากหน้าใสไร้สิวทำไมไม่ลองทำครีมใช้เองพร้อมกับจำหน่ายดูล่ะ? เพราะในปัจจุบันนี้การทำแบรนด์ครีมไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป มีโรงงานรับผลิตมากมายหลายแห่งพร้อมให้บริการ แถมการทำครีมเป็นของตัวเองคุณก็สามารถเลือกหรือปรับสูตรผลิตภัณฑ์ได้ตามต้องการอีกด้วย หากสินค้าให้ผลลัพธ์ได้อย่างเป็นที่น่าพอใจรับรองว่ายอดขายต้องปังอย่างแน่นอน
วันนี้เราจึงอยากมาเพิ่มเติมขั้นตอนการสร้างแบรนด์ครีมให้คุณได้ลองศึกษาดูกัน ซึ่งไม่ยากเลย โดยมี 7 ขั้นตอนดังนี้
- ลูกค้าต้องทำการเลือกประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการว่าอยากได้สูตรไหน โดยสามารถสั่ง Tester ไปลองใช้งานจนเป็นที่พึงพอใจก่อนได้ หรือหากต้องการพัฒนาสูตรใหม่ให้โดดเด่นและไม่เหมือนใครก็สามารถทำได้ โดยแต่ละโรงงานจะมีค่าบริการในการพัฒนาสูตรแตกต่างกันไป
- จากนั้นลูกค้าแจ้งจำนวนการผลิตสินค้าที่ต้องการรวมถึงเลือกแพคเกจจิ้งที่อยากได้
- หลังจากนั้นทางโรงงานจะส่งใบเสนอราคาให้กับลูกค้า
- ลูกค้าชำระเงินให้กับโรงงาน 50% หรือบางโรงงานอาจจะให้จ่ายก่อน 100% ซึ่งแต่ละที่จะมีเงื่อนไขแตกต่างกันไป
- ทางโรงงานเริ่มดำเนินการออกแบบแพคเกจจิ้ง โลโก้ ฉลากสินค้า พร้อมดำเนินการขึ้นทะเบียน อย. ซึ่งในส่วนนี้บางโรงงานอาจจะดำเนินการให้ฟรีหรือบางที่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- เมื่อ อย. ผ่านแล้ว เริ่มทำการเข้าสู่กระบวนการผลิตสินค้าและบรรจุสินค้า ซึ่งแต่ละโรงงานอาจใช้ระยะเวลาในการผลิต 14-30 วันแตกต่างกันไป
- หลังจากผลิตสินค้าสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ชำระเงินในส่วนที่เหลือทั้งหมดก่อนการจัดส่งและจากนั้นทางโรงงานจะแจ้งวันจัดส่งให้กับลูกค้าเพื่อพร้อมจำหน่ายได้เลย
อ้างอิง :