ใต้ตาดํา เป็นสิ่งที่ไม่มีใครที่ต้องการให้เกิดขึ้น เพราะหากมีภาวะใต้ตาดำเกิดขึ้นจะทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ซึ่งหลาย ๆ คนมักคิดว่าใต้ตาดำเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอเพียงอย่างเดียว ทว่าความจริงแล้วใต้ตาดำมีจากหลายสาเหตุและสามารถดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้
ใต้ตาดํา เกิดจากอะไร ?
ใต้ตาดำหรือที่หลายคนมักเรียกว่า ตาหมีแพนด้า เนื่องจากรอบดวงตามีลักษณะดำคล้ำคล้ายสีดวงตาของหมีแพนด้านั่นเอง โดยสีดำที่บริเวณใต้ดวงตาที่เห็นคือสีของเส้นเลือดฝอยที่อยู่บริเวณใต้ดวงตานั่นเอง ใต้ตาดำสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดใต้ตาดำมีหลายสาเหตุดังนี้
-
- พักผ่อนน้อย ภาวการณ์พักผ่อนน้อยถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดใต้ตาดำมากที่สุด ซึ่งการพักผ่อนน้อยหรือพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ผิวหนังที่บริเวณรอบดวงตาซีดจางและเป็นร่องลึก ทำให้สังเกตเห็นเส้นเลือดบริเวณใต้ดวงตาเป็นสีดำคล้ำนั่นเอง
- อายุ อายุมากขึ้น ผิวพรรณย่อมมีการเสื่อมสภาพและหย่อนคล้อยโดยเฉพาะบริเวณใต้ดวงตา เมื่อผิวหนังหย่อนคล้อยจะทำให้เกิดเงา ผิวหนังบางลง ทำให้มองเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตา
- การขาดน้ำ ในสภาวะที่ร่างกายได้รับน้ำน้อยจนเกิดเป็นภาวะขาดน้ำ จะทำให้ผิวหนังเกิดการเหี่ยวย่นและบางลง จึงทำให้เห็นรอยดำใต้ตา
- การตั้งครรภ์ ช่วงเวลาตั้งครรภ์เป็นช่วงเส้นเลือดเกิดการขยายตัว ทำให้สังเกตเห็นได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่มีผิวหนัง
- อาการป่วย อาการป่วยบางชนิดจะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณรอบดวงตาและใต้ตา หากได้รับการสัมผัสที่รุนแรง เช่น การขยี้ตา การเกา เป็นต้น จะทำให้เส้นเลือดบริเวณใต้ตาเกิดการบวมและแตกตัวได้เกิดเป็นรอยดำใต้ตา
- แสงแดด แสงแดดเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ใต้ตาดำ เนื่องจากแสงแดดจะเข้าไปสัมผัสกับผิวหนัง ทำให้กระบวนการสร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด จึงทำให้สีผิวบริเวณใต้ตาเข้มข้นจนมองเป็นสีดำคล้ำ
จะเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดใต้ตาดำมีอยู่หลายอย่าง ซึ่งทุกสาเหตุล้วนเกิดได้ตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องดูแลและป้องกันผิวหนังบริเวณรอบดวงตาอยู่เสมอ เพื่อลดไม่ให้ใต้ตาดำเกิดขึ้น
ใต้ตาดํา ดูแลอย่างไร ?
เมื่อมีอาการใต้ตาดำเกิดขึ้นแล้ว สามารถดูแลรักษาให้หายได้กลับมาเป็นปกติได้ไม่ยาก ซึ่งการดูแลใต้ตาดำมีขั้นตอนการดังนี้
- ดูแลที่สาเหตุ การดูแลใต้ตาดำให้กลับมาเป็นปกติได้รวดเร็วที่สุด ก็คือ การรักษาที่สาเหตุ ดังนั้นเมื่อมีอาการใต้ตาดำเกิดขึ้นควรรีบหาว่ามีสาเหตุเกิดมาจากอะไร แล้วทำการดูแลรักษาที่สาเหตุ เช่น หากเกิดจากการพักผ่อนน้อยก็ให้พักผ่อนเพิ่มขึ้น หากเกิดจากอาการภูมิแพ้ก็ให้รักษาโรคภูมิแพ้ให้หาย เป็นต้น
- การใช้ยา เมื่อมีอาการใต้ตาดำเกิดขึ้นแล้ว การใช้ยากลุ่ม Eyecream ที่มีส่วนประกอบของ Vitamin A , Vitamin E , Vitamin C หรือสารกลุ่ม Whitening จะช่วยเข้าไปบำรุงและปรับสภาพผิวบริเวณดังกล่าว ทำให้ผิวกลับมาขาวใส ไร้รอบดำใต้ตา
- การทำทรีตเม้นต์ เป็นอีกหนึ่งการดูแลที่ช่วยลดรอบดำใต้ตา โดยการทำทรีตเม้นต์จะเป็นการกระตุ้นตัวยากลุ่มวิตามินหรือกลุ่มไวเทนนิ่งที่มีประสิทธิภาพในการลดรอยดำ ให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ตรงจุด ทำให้รอยดำใต้ตาหายไป
- การ Laser รอยดำ การเลเซอร์รอยดำใต้ตาเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถดูแลรอยดำให้จางและหายไป ซึ่งเลเซอร์ที่ใช้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
- เลเซอร์ขยายหลอดเลือด เป็นการยิงเลเซอร์เข้าไปขยายเส้นเลือดที่บริเวณใต้ดวงตา เหมาะสำหรับใต้ตาดำจากการที่หลอดเลือดตีบและมีเลือดคั่งอยู่บริเวณใต้ตา
- เลเซอร์เม็ดสีผิว Laser เป็นการยิงเลเซอร์เพื่อลดปริมาณเม็ดสีบริเวณใต้ดวงตา ทำให้สีผิวอ่อนลง กระจ่างใสมากขึ้น เหมาะกับรอยดำใต้ตาที่เกิดการจากเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีผิว เช่น การโดนแสงแดดทำลาย เป็นต้น
การดูแลใต้ตาดำที่เกิดขึ้นควรดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะดีที่สุด เพราะการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญจะทำให้รอยดำใต้ตารักษาหายได้อย่างรวดเร็วและไม่เป็นอันตราย
ป้องกันใต้ตาดําทำได้อย่างไร
ถึงแม้ว่ารอยดำใต้ดวงตาจะสามารถดูแลรักษาให้หายได้ แต่ว่าทางที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกันไม่ให้เกิดใต้ตาดำขึ้น เพราะบางครั้งรอยดำใต้ตาอาจจะต้องใช้เวลาในการรักษาที่นานกว่าผิวบริเวณรอบดวงตาจะกลับมาเป็นปกติ ซึ่งการป้องกันใต้ตาดำมีวิธีดังนี้
- บำรุงผิว ใต้ตาดำจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนก็ต่อเมื่อ ผิวหนังบริเวณรอบดวงตามีความเสื่อม สุขภาพไม่ดี ดังนั้นควรบำรุงผิวให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังเป็นประจำ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และทาครีมบำรุงผิวรอบดวงตาทุกวัน โดยเลือกครีมที่มีความเข้มข้นและซึมซาบอย่างล้ำลึก เพื่อที่ผิวบริเวณรอบดวงตาจะชุ่มชื่น แข็งแรง
- นวดกระตุ้นรอบดวงตา เส้นเลือดฝอยที่บริเวณรอบดวงตามีความอ่อนแอมากกว่าปกติ ดังนั้นจะต้องทำการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเป็นประจำ ด้วยการนวดเบา ๆ ที่บริเวณรอบดวงตาด้วยมือเปล่าหรือร่วมกับครีมว่านหางจระเข้ที่อ่อนโยน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวหนังได้อย่างทั่วถึง
- ทาครีมกันแดด ทุกวันจะต้องทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบีที่อยู่ในแสงแดดเข้ามาทำลายผิวและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิว โดยควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 60 และเป็น PA+ เพื่อให้ผิวได้รับการป้องกันแสงแดดได้อย่างเต็มที่
- ดื่มน้ำมาก ๆ การดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เพียงพอจะทำให้เซลล์ผิวหนังมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นและยังทำให้การไหลเวียนของเลือดมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไม่มีเลือดคั่งบริเวณรอบดวงตา
- ออกกำลังกายให้เพียงพอ การออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพิ่มความแข็งแรงของเส้นเลือดและขับของเสียที่มีอยู่ในเซลล์ผิวหนังออกไป ทำให้ผิวหนังรอบดวงตาแข็งแรง หนาแลดูมีสุขภาพดี ไม่เกิดรอยดำใต้ตา
- พักผ่อนให้เพียงพอ ในแต่ละวันควรนอนพักอย่างน้อยวันละ 4-8 ชั่วโมง และการนอนควรเป็นการนอนหลับสนิทซึ่งเป็นการนอนที่มีประสิทธิภาพ
- รับประทานคอลลาเจน เชื่อหรือไม่ว่านอกจากคอลลาเจนรักษาสิวแล้ว ยังทำให้ผิวคุณกระจ่างใสขึ้นรวมไปถึงอวัยวะภายในระดับเซลล์ ทำให้ผิวรอบดวงตาชุ่มชื้นและเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงรอบ ๆ ดวงตาแข็งแรงขึ้น
การป้องกันด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายและผิวหนังให้แข็งแรง ย่อมเป็นการลดอาการใต้ตาดำอย่างได้ผลและประหยัดที่สุด ต่อไปนี้อาการใบหน้าหมองคล้ำจากภาวะใต้ตาดำจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน
ที่มา
- ขอบตาดำ เกิดจากอะไร แก้ยังไงดี ? https://www.pobpad.com/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%
- หมอมีคำตอบ! วิธีรักษาปัญหาขอบตาดําคล้ำ เกิดจากสาเหตุใด แก้ไขด้วยวิธีไหนดี ? https://www.vsquareclinic.com/tips/how-to-treat-black-eye-problems/